เรียนภาษาอิตาลีกันเถอะ : คำนามและเพศของคำนามภาษาอิตาลี,เรียนภาษาอิตาลี

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556

คำนามและเพศของคำนาม




หลักการใช้คำนามมีดังต่อไปนี้ :

1. คำนามภาษาอิตาลี่ใดๆก็ตามที่มีความหมายเป็น "คน" เราสามารถรู้เพศคำนามนั้นได้ โดยดูจาก Article (พวก il,la,i,le) อย่างเช่นคำว่า dottore คำนี้แปลว่า หมอ แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นหมอผู้หญิงหรือหมอผู้ชาย ก็ให้ดู article ของมัน
il dottore ก็คือหมอผู้ชาย la dottore คือหมอผู้หญิง
เพราะ il คือ article นำหน้าคำเพศชาย และ la คือ article นำหน้าคำเพศหญิง

2. คำนามที่ลงท้ายด้วย -ista,-cita เป็นคำที่หมายถึงคนแน่ๆ อาจจะหมายถึงผู้ที่ทำหน้าที่อะไรซักอย่าง

อย่าง il/la farmacista แปลว่า chemist ก็คือนักเคมีนั่นเองค่ะ

คำที่ลงท้ายด้วย a หรือ e ส่วนใหญ่ก็มักจะหมายถึงคนเช่นกัน อย่าง il/la collega (colleague) -เพื่อนร่วมงาน ผู้หญิงหรือผู้ชาย หรือ il/la nipote (หลานสาวหรือหลานชาย)

แต่คำที่ลงท้ายด้วย e บางคำ ก็หมายถึงได้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย
อย่างเช่นคำนี้ cantante จะเป็นได้ทั้ง il cantante la cantante


ส่วนคำที่เป็นผู้หญิงอยู่แล้วก็มีพวก persona ,guida, quardia,polizia, = person,guide,guard,police ในภาษาอังกฤษ ตามลำดับ

ตัวอย่าง That man is an intelligent person = Quell'uomo e' una persona intelligente
เราจะสังเกตได้ว่า uomo(man) เป็นผู้ชาย แต่ทำไมเวลาเขียนถึงใช้ una ทั้งนี้ก็เพราะว่า una ใช้ตาม persona ที่มีความหมายว่า person เป็นคำที่ในภาษาอิตาลีบังคับให้มันเป็นเพศหญิงอยู่แล้ว คำข้างหน้าเลยต้องเป็น una

3. คำนามที่หมายถึงสัตว์บางคำก็เป็นได้ทั้งเพศหญิงและชายอย่าง bufalo/la คำพวกนี้ก็จะมีรูปคำแบ่งไปเลยว่าเพศหญิงลงท้ายด้วย a เพศชายลงท้ายด้วย o
แต่ก็มีบางคำที่ต้องจำเอาว่า สัตว์ชนิดนี้เพศหญิงต้องเรียกแบบนี้ เพศชายต้องเรียกอีกอย่าง
ก็มี คำว่าสุนัข ตัวเมียใช้ cagna ตัวผู้ใช้ cane

4.คำนามบางคำ เพศหญิงกับเพศชายจะต่างกันไปเลยอย่างคำว่า ผู้หญิง คือ donna ผู้ชายคือ uomo

5.คำนามบางคำเหมือนกันทั้งรูปเอกพจน์และพหูพจน์
แต่คำพวกนี้จะต้อง
- จบด้วย accented vowel (พวกตัวอักษร à è อะไรแบบนั้น...)อย่างเช่นคำว่า bontà
- ลงท้ายด้วย i อย่าง tesi,brindisi,analisi
- รูปคำนามมี 1 พยางค์ เช่น re, gru
- คำเพศหญิงที่ลงท้ายด้วย ie อย่าง serie,specie (แต่ก็ไม่ใช่ทุกคำเสมอไปเพราะ อย่าง moglie เวลาเป็นพหูพจน์ก็ยังใช้ mogli เลยค่ะ)
- คำเพศชายที่ลงท้ายด้วย a อย่าง gorilla,cinema
- คำเพศหญิงที่ลงท้ายด้วย o อย่าง radio,auto, foto
- คำนามที่ลงท้ายด้วยตัวสะกด อย่าง autobus, gas,bar,film (คำนามที่ใช้พวกนี้มักเป็นคำที่มาจากภาษาต่างประเทศ ไม่ใช่ภาษาอิตาลี)

6. คำบางคำที่ไม่มีรูปเอกพจน์เลย (เพราะมันเป็นพหูพจน์อยู่แล้ว) ก็พวกแว่นตา กรรไกร ที่อังกฤษจะเติม S ตลอดอยู่แล้ว ในภาษาอิตาลีก็จะใช้รูปพหูพจน์ไปเลยเช่นกัน อย่าง กรรไกร ก็ใช้ le forbici แว่นตา ก็คือ gli occhiali

7. คำบางคำที่ไม่มีรูปพหูพจน์ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกโลหะทั้งหลายแหล่ เช่น il rame (ทองแดง)
พวกที่ไม่ใช่โลหะก็มี อย่าง la gente, la marina

8. การใช้ ประธานร่วมกับ Verb to be บางทีก็ไม่เหมือนในภาษาอังกฤษ กล่าวคือ ในภาษาอังกฤษเนี่ย
จะใช้รูปพหูพจน์ + are เช่น The police are , The concil are, แต่บางที ในภาษาอิตาลีจะใช้รูปเอกพจน์ + are อย่าง la gente e'

9. คำนามที่ลงท้ายด้วย ino,etto,ello,uzzo,icino,olino,erello หมายถึง เล็ก (piccolo)
คำที่ลงท้ายด้วย one,ona หมายถึงใหญ่ (grande,forte)
คำที่ลงท้ายด้วย accio, accia = ugly,hateful ในภาษาอังกฤษ (casaccia = ugly house)
คำที่ลงท้ายด้วย uccio,uccia = nice,pretty ในภาษาอังกฤษ
** แต่จงระวังพวกคำในข้อที่ 9 นี้ เพราะบางทีมันก็ไม่ได้หมายถึงแบบนี้เสมอไป
เพราะก็ยังมีคำนามธรรมดาๆ อยู่มากที่ลงท้ายด้วยคำพวกนี้แต่ไม่ได้มีความหมายเหมือนกันแต่ อย่างใด ระวังสับสน อย่างเช่นคำว่า limone (lemon)ก็หมายถึงมะนาวธรรมดาๆ เลย bottone(botton) ก็กระดุม

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

โน้ตเพลงสากล เข้ามาดูได้จ่ะ

E-book เรียนภาษา