เรียนภาษาอิตาลีกันเถอะ : มิถุนายน 2013ภาษาอิตาลี,เรียนภาษาอิตาลี

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Verb Fare กริยา fare

จากความตอนที่แล้ว ที่ได้ยกประโยคถาม-ตอบ สภาพอากาศนั้น เพื่อนๆ คงสังเกตได้ว่าทำไม๊ ทำไม เวลาจะบอกสภาพอากาศแต่ละที ต้องพูดว่า fa bello, fa brutto, fa caldo , fa อย่างโน้นอย่างนี้ แล้วทำไมต้องเป็น fa!!!?? แล้ว fa คืออะไร? เป็น is am are เหมือนใน อังกฤษหรือเปล่าน๊ออ??

ความจริงแล้วเป็นเช่นนี้ึ้ค่ะ =)

VERB fare หรือ กริยา fare ที่แปลว่า To do , To make ในภาษาอังกฤษ ก็คงเปรียบเสมือน It makes, It does... ทั่วไปหรือเปล่า??  ก็เป็น VERB คำๆหนึ่งเท่านั้นแหละค่ะ

แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้ ความจริงแล้ว Verb to do to make ในแบบฉบับอิตาลี มันไม่ธรรมดาตรงที่ว่า

VERB fare เป็น VERB หนึ่งที่มีการผันแบบผิดปกติ (เพราะถ้าเป็นแบบปกติจะมีรูปแบบการผันแบบนี้)

แต่ fare มีรูปแบบบังคับที่คุณต้องจำ ดังนี้ค่ะ

io (ฉัน)faccio  ทำ
tu (เธอ)fai      ทำ
lui, lei, Lei  (เขาผู้ชาย/หล่อน/คุณ)              fa        ทำ
noi             (พวกเรา) facciamo   ทำ
voi             (พวกคุณ)fate    ทำ
loro, Loro    (พวกเขา)fanno   ทำ
 
ลองเปรียบเทียบคำภาษาอังกฤษดูนะคะ ^^



วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ถามตอบ เรื่องสภาพอากาศ

ตอนนี้อากาศกำลังเปลี่ยนแปลง เข้าสู่ฤดูฝน ฝนอาจจะยังตงตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ยังไงแล้ว เพื่อนๆ ต้องรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ


ภาษาอิตาลี,อิตาลี,อิตาเลี่ยน,ภาษาอิตาเลี่ยน,เรียนอิตาลี,พูดอิตาลี,อิตาลี่,ประเทศอิตาลี,อาหารอิตาลี,อาหารอิตาเลี่ยน,เรียนภาษาอิตาลี

ว่าแล้ว วันนี้เรามาทบทวนบทสนทนา ประโยค ถามตอบเกี่ยวกับฤดูกาลกันเถอะค่ะ =)  นี่ก็เป็นบทสนทนาที่คาดว่าเพื่อนๆอาจจะทราบดีแล้ว แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ ก็สามารถพยายามจำคำศัพท์ใหม่ ที่เน้นสีแดงไว้ เพื่อทำความเข้าใจความหมายในประโยคได้ง่ายขึ้นค่ะ 
Che tempo fa?                  คำศัพท์Tempo = อากาศ
What's the weather like?                                       
Fa bel tempo.                         ฺคำว่า Bello, Bella แปลว่าสวยหรือดี พอรวมกับคำนาม bello จะตัด o ออก
The weather is nice.
Fa brutto tempo.                    brutto = เลว หรือแย่
The weather is bad.
C'è il sole.                                il sole แปลว่า ดวงอาทิตย์ หรือ SUN ในภาษาอังกฤษค่ะ แต่เมื่อมารวมกับ C'e                  
                                                ที่แปลว่า มี (= there is ในภาษาอังกฤษ) เลยรวมแล้วแปลว่า มีแสงแดด
It's sunny.
Piove.
It's raining.                                  Piove = มีฝนตก หรือฝนตก  ที่เป็นประโยคมีความหมายสมบูรณ์ในตัวแล้ว
Fa caldo.                                    Caldo ร้อน  molto caldo ร้อนมาก
It's hot.
Fa freddo.                                  freddo เย็น
It's cold.
È un po' nuvoloso.                   nuvoloso แปลว่ามีเมฆมาก
It's a bit cloudy.
C'è vento.                                  vento  ลมแรง
It's windy.
Nevica.                                         Nevica หิมะตก
It's snowing.

เนื้อหา  จาก conversationexchange.com


วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ชุดประจำชาติอิตาลี



ภาษาอิตาลี,อิตาลี,อิตาเลี่ยน,ภาษาอิตาเลี่ยน,เรียนอิตาลี,พูดอิตาลี,อิตาลี่,ประเทศอิตาลี,อาหารอิตาลี,อาหารอิตาเลี่ยน,เรียนภาษาอิตาลี


สมัยฟื้นฟูเป็นช่วงสมัยในศตวรรษที่ 13, 14 จนกระทั่งถึงต้นศตวรรษที่ 15 และรุ่งเรืองมาก ในประมาณกลางศตวรรษ ประมาณ ค.ศ. 1500 ในประเทศอิตาลี การแต่งกายมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะมีผลต่อการแต่งกายของชาย มากกว่าหญิง ซึ่งเรียกว่า “Conventional” Style การแต่งกายของชายประกอบไปด้วยเสื้อ เชิ้ต 1 ตัว ใส่ Tunic หรือไม่ก็ใส่เสื้อ รัดรูป (Doublet) กับกางเกงรัดรูป (Hose) มีเสื้อคลุมทับ Doublet เรียกว่า Pourpoint เสื้อเชิ้ต นั้น จะตัด จากผ้าลินินที่ทำให้มีความพองมาก ๆ และรวบไว้ที่รอบคอและรอบข้อมือ คอเสื้อจะมีทั้งคอกลม และคอวี และคอสี่เหลี่ยม ซึ่งมีมาก่อน ค.ศ. 1500-1525 เป็นลักษณะที่มีระบายเล็ก ๆ โดยรอบ ต่อมาเปลี่ยนมาเป็นแบบ Ruff (เป็นรอยพับ) ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 และเสื้อรัดรูป เปลี่ยนเป็นใช้ Tunic ชนิดสั้น แล้วสวมเสื้อนอกมีแขน ปลายแขนแคบ โคนแขนพองรัดเป็นปล้อง ๆ ทำตอนบนของแขนให้พอง เสื้อคลุมค่อนข้างสั้น คลุมชุด Tunic ที่มีลักษณะหลวมและมีเข็มขัดรัดไว้มีจีบรูด คอเสื้อ กลมหรือเหลี่ยม มีแขนยาว แขนเสื้อสามารถถอดออกจากตัวเสื้อได้

จาก http://www.human.cmu.ac.th/home/hc/ebook/006216/006216-06.pdf

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Quanti studenti? มีนักเรียนกี่คน

ภาษาอิตาลี,อิตาลี,อิตาเลี่ยน,ภาษาอิตาเลี่ยน,เรียนอิตาลี,พูดอิตาลี,อิตาลี่,ประเทศอิตาลี,อาหารอิตาลี,อาหารอิตาเลี่ยน,เรียนภาษาอิตาลี






คำถาม ถามว่า  Quanti studenti? (Quanti = How many?ก็คือ มากเท่าไหร่)
หมายถึง มีนักเรียนกี่คน
สังเกต คำว่า Quanti จะเป็นพหูพจน์นะคะ แล้วคำนามที่ตามมาก็เป็นพหูพจน์เช่นกัน
เหมือนในภาษาอังกฤษ ที่มี How many books?
ที่จะไม่ใช้ How many book คำว่า many จะตามด้วยคำนามที่นับได้ แล้วพวกคำนามที่เติม s หรือ es ต่อท้ายจะเป็นคำนามนับได้ค่ะ

นับว่าไม่แปลกอะไรเลยที่  Quanti Studenti? ก็ต้องเป็นพหูจน์พจน์เช่นเดียวกัน 
ส่วนคำตอบก็ตอบไปเลยค่ะว่ามีนักเรียน 20 คน หรือ 20 studenti (venti studenti) = 20 students

ในส่วนที่เป็นจำนวนตัวเลขก็ต้องมาหัดอ่านทบทวนกันอีกครั้งได้ที่หรือ ตัวเลข1-100 แล้วลอง มาทายตัวเลขกัน ค่ะ


การบอกเวลา

Newbie - Where is she? by ItalianPod.com on Grooveshark

นี่คือบทสนทนาจาก italianpod.com  ค่ะ


A: Che ore sono?  What time is it?  (กี่โมงแล้ว)

B: Sono le dieci e mezza, calmati! It's ten thirty, calm down! (10 โมง 30 นาที ใจเย็นสิ!)

A: Ma dov’ `e? Dov’ `e? Where is she? Where is she? (แล้วเธออยู่ไหนล่ะ เธออยู่ไหน)

B: Eccola! Andiamo!  There she is! Let's go! (นั่นไง เราไปกันเถอะ)


ความจริงแล้วการถามเวลาในภาษาอิตาลีเราสามารถถามได้ 2 แบบ คือ

1. Che ora e'? (เคะ โอร่า เอ๊ะ)
2. Che ore sono? (เคะ โอร่า โซโน)

ลองสังเกตดูสิคะ ว่ามันต่างกันตรงไหน.... ใช่ละคะ มันต่างกันตรงคำว่า ora e' และ ore sono ค่ะ เราจะใช้ Che cra e' เป็นคำถามเอกพจน์ค่ะ ส่วน Che ore sono เป็นคำถามพหูพจน์

คำว่า  e' เท่ากับ is (Verb to be รูปเอกพจน์ในภาษาอังกฤษ)
ส่วน คำว่า sono เท่ากับ are, am ค่ะ

และคำว่า ora มีความหมายว่า ชั่วโมงในภาษาอิตาลี และแน่นอนค่ะ ว่ำคำว่า ore ก็เป็นคำพหูจน์พจน์ของ ora (ซึ่งเป็นคำเพศหญิง) ดังนั้น ore ต้องแปลว่า หลายชั่วโมงค่ะ แต่ในกรณีที่เราต้องการถาม เลือกถามแบบพหูพจน์หรือเอกพจน์ก็ได้ค่ะ มีความหมายว่ากี่โมงแล้งเหมือนกัน เพราะเราไม่สามารถรู้คำตอบล่วงหน้าได้ว่า มันจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์

แต่ถ้าหากคำตอบเป็นเอกพจน์ ต้องตอบโดยขึ้นต้นด้วยคำว่า e' (เอ๊ะ) (It's) ค่ะ

È l'una.  (It's one o'clock.)   --------- 1.00 pm/am
È mezzogiorno. (It's noon.) --------  0.00 pm
È mezzanotte. (It's midnight.) ------- 0.00 am
È mezzo giorno e dieci. (It's 12:10.) -- 0.10 pm 



อืม...เห็นมั้ยล่ะคะ ว่าคำตอบที่เป็นเอกพจน์หมายถึงคำตอบ ที่เป็นเวลาที่ขึ้นต้นด้วย 0 หรือ1 นาฬิกาค่ะ
ถ้าเป็นเวลา 0 นาฬิกา (เทียงวันหรือเที่ยงคืน) ก็อาจใช้คำศัพท์ mezzogiorno (เที่ยงวัน) mezzanotte (เที่ยงคืน) mezzoo giorno e dieci เที่ยงวัน 10 นาที (e dieci = และ 10)

แต่ถ้าคำตอบพหูพจน์ก็คือคำตอบที่ขึ้นต้นด้วย 2 นาฬิกาเป็นต้นไปค่ะ และเวลาตอบก็ใช้คำขึ้นต้นว่า sono le และตามด้วยตัวเลข แบบนี้ค่ะ

5,00Sono le cinque. 
5,10Sono le cinque e dieci.
5,15Sono le cinque e un quarto. un quarto แปลว่า 1/4 15 นาทีคิดเป็น 1/4 ของ 60 นาที
5,20Sono le cinque e venti.
5,30Sono le cinque e mezzo. mezzo เท่ากับครึ่ง จึงเท่ากับครึ่งชั่วโมง หรือ 30 นาที
5,40Sono le sei meno venti. meno = น้อยกว่า  ในที่นี้หมายถึง เวลาน้อยกว่า 6 นาฬิกาอยู่ 20 นาที
5,45Sono le sei meno un quarto.  น้อยกว่า 6 นาฬิกาอยู่ 1/4 (15 นาที)
5,50Sono le sei meno dieci.  น้อยกว่า 6 นาฬิกาอยู่  10 นาที
6,00Sono le sei.


หมายเหตุ ในภาษาอิตาลีจะใช้ลูกน้ำขั้นเวลาแทนการใช้จุดหรือโคลอน ค่ะ 
(จาก 5.00 น. หรือ 5:00 ก็จะกลายเป็น 5,00)

จาก http://italian.about.com

ตัวเลข1-100

























นี่คือการอ่านเลขหนึ่งถึงร้อยในภาษาอิตาลีค่ะ ถ้าพิมพ์คำอ่านผิดพลาดยังไงก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ เพราะว่าผันวรรณยุกต์ไทยไม่ค่อยเก่งค่ะ แล้วอีกอย่าง ...การออกเสียงที่ได้จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ออกเสียงตามวรรณยุกต์ไทยเป๊ะเลยซะหน่อย ที่หนำซ้ำ ก็คือภาษาอิตาลีมีการเน้นเสียงที่มีลักษณะพิเศษอีก ถ้าหากคุณอยากอ่านให้ได้ตามเสียงแบบอิตาลีจริงๆ ก็ลองฝึกอ่านกับวีดิโอจาก youtube นี้ได้เลยนะคะ




ศัพท์คำกริยา



พอดีไปเจอ คำกริยา ในเว็บนี้มาค่ะ-- italianlanguageguide.com ขอคัดลอกข้อมูลมาเลยละกันนะคะ เว็บนี้มันเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าอยากรู้ความหมายคำกริยาภาษาอิตาลีคำไหนก็ลองใช้ dict แปลอังกฤษเอาเลยจ้าาา

ITALIAN REGULAR VERBS
ARE ERE IRE

aspettare to wait conoscere to know dormire to sleep
arrivare to arrive correre to run partire to depart
comprare to buy credere to believe seguire to follow
mostrare to show leggere to read sentire to feel
mangiare to eat perdere to lose vestire to dress
parlare to speak rispondere to answer coprire to cover
pensare to think ricevere to receive suggerire to suggest
portare to carry scrivere to write costruire to build
visitare to visit vedere to see spedire to send
riservare to reserve vivere to live
to reside
capire to understand


IRREGULAR VERBS
ITALIAN ENGLISH ITALIAN ENGLISH

andare to go fare to do/to make
avere to have potere to be able/ can
dare to give stare to be
dire to say/to tell vedere to see
dovere to have/ must venire to come
essere to be volere to want

คำกริยา





คำกริยาในภาษาอิตาลีแบบปกติทั่วๆไป จะแบ่งได้ 3 แบบใหญ่ๆ คือ
แบบที่ 1 คำกริยาที่ลงท้ายด้วย -are
แบบที่ 2 คำกริยาที่ลงท้ายด้วย -ere
แบบที่ 3 คำกริยาที่ลงท้ายด้วย -ire

ซึ่่งคำกริยาที่ลงท้ายในรูป are ere และ ire เหล่านี้เราจะเรียกมันว่า infinitive มีหน้าที่เที่ยบเท่ากับ To + V1 ในภาษาอังกฤษ.....อย่างเช่น

คำว่า Parlare = To speak
Prendere = To take
Partire = To leave

แต่ก็ใช่ว่าเมื่อเรารู้จัก Infinitive พวกนี้ว่ามันมีความหมายว่าอะไรแล้วจะสามารถนำมันมาใช้ร่วมกับประธานได้เลยนะคะ...ไม่ใช่แล้วคะ คุณต้องแปลงร่าง Infinitive พวกนี้ก่อน แล้วจึงนำไปรวมกับประธานของประโยคได้ค่ะ

หลักการการแปลงร่าง Infinitve มีดังต่อไปนี้เจ้าค่ะ :)

แบบที่ 1 infinitive ประเภท -are ขอยกตัวอย่างกับคำว่า Parlare (พูด) เลยนะคะ คำๆ นี้ ถ้าใช้ ร่วมกับประธาน Io (ฉัน) ก็จะต้องแปลงร่าง Parlare ให้เป็น Parlo ดังนั้น คำว่า ฉันพูด จึงเท่ากับ Io parlo ค่ะ

ส่วนประธาน Lui (เขาผู้ชาย) Lei (หล่อนผู้หญิง) และ Lei (แปลว่าคุณ ในแบบ formal)
infinitive จะกลายเป็น parla {คำว่า Lei แปลเป็นประธานได้ 2 แบบ คือ หมายถึง"เธอ" กับ"คุณ" -แต่คุณแบบนี้เป็นแบบ formal} ก็จะได้ Lui parla, Lei parla แปลว่า เขาพูด หล่อนพูด คุณพูด

ประธาน Loro (พวกเขา) infinitive จะเป็น parlano --> Loro parlano = พวกเขาพูด
ประธาน Noi (พวกเรา) infinitive จะเป็น parliamo --> Noi parliamo = พวกเราพูด
ส่วน Tu (คุณ) (คุณแบบ informal) infinitive จะเป็น parti --> Tu parti = คุณพูด (ใช้กับคนสนิทชิดเชื้อ)

** สรุปการแปลงร่าง Verb infinitive แบบที่ 1 ก็คือ infinitive จะตัด are ออก แล้วเติม o,a,ano,iamo เมื่อใช้กับประธานดังนี้ค่ะ

parlare -> parl -> parl + o นำไปใช้กับ Io ได้ Io parlo
parl + a ,, Lei,Lui ได้ Lei parla , Lui parla
parl + ano ,, Loro ได้ Loro parlano
parl + iamo ,, Noi ได้ Noi parliamo


เมื่อเข้าใจการแปลงร่าง infinitive แบบ are กันดีแล้วก็สบายละคะ....เอาเป็นว่าเดี้๊ยนขอสรุปและยกตัวอย่างย่อๆ เลยละกันนะคะ สำหรับรูปแบบ ere และ ire

ก่อนอื่น เดี๊ยนอยากบอกคุณผู้อ่านว่า คราวนี้คุณๆ จะสบายขึ้นมาก เพราะการแปลงร่าง infinitive ของ verb รูปแบบ ere และ ire นี้ ดำเนินการแบบเดียวกัน!!!


** สรุปการแปลงร่าง Verb infinitive แบบที่ 2,3 ก็คือ infinitive จะตัด ere,ire ออก แล้วเติม o,e,ono,iamo เมื่อใช้กับประธานดังนี้ค่ะ

แบบ2 (-ere) prendere -> prend -> prend + o นำไปใช้กับ Io ได้ Io prendo
prend + e ได้ Lei prende , Lui prende
prend + ono ได้ Loro prendono
prend + iamo ได้ Noi prendiamo

แบบ 3 (-ire) partire -> part -> part + o นำไปใช้กับ Io ได้ Io parto
part+ e ได้ Lei parte , Lui parte
part+ ono ได้ Loro partono
part + iamo ได้ Noi partiamo

ตารางสรุปการผันกริยาแบบปกติ (regular) ทั้ง 3 แบบ (are,ere,ire)

Regular verbs
Prima coniugazione
Seconda
coniugazione
Terza
coniugazione
(Primo Gruppo)
Terza
coniugazione
(Secondo Gruppo)
Person
Parlare
(to speak)
Rispondere
(to answer)
Sentire
(to feel)
Capire
(to understand)
Io
parl- | -o
rispond- | -o
sent- | -o
cap- | -isco
Tu
parl- | -i
rispond- | -i
sent - | -i
cap- | -isci
Lui / lei / Lei esso / essa
parl- | -a
rispond- | -e
Sent - | -e
cap- | -isce
Noi
parl- | -iamo
rispond- | -iamo
sent- | -iamo
cap- | -iamo
Voi
parl- | -ate
rispond- | -ete
sent- | -ite
cap- | -ite
Loro
parl- | -ano
rispond- | -ono
sent- | -ono
cap- | -iscono



เฮ้อออ ก็ทีพวกภาษาอังกฤษ เค้ายังมีประธานแบบนี้ ให้เติม s เติม es อย่างนี้ อย่างนั้น เรายังเรียนกันได้เลย....ยังไงก็สู้ๆ นะคะ สำหรับคนที่กำลังหัดภาษานี้อยู่

หลักการใช้กริยาทั่วไปก็มีเพียงเท่านี้แหละค่ะ...
แต่ในภาษาอิตาลี ก็บังเอิญมีกริยาไม่ทั่วไปอยู่มาก :(
ถ้าว่างๆจะมาอัพให้อ่านกันนะคะ :)
Ciao!

รู้จักภาษาอิตาลีได้ยังไง


ภาษาอิตาลี,อิตาลี,อิตาเลี่ยน,ภาษาอิตาเลี่ยน,เรียนอิตาลี,พูดอิตาลี,อิตาลี่,ประเทศอิตาลี,อาหารอิตาลี,อาหารอิตาเลี่ยน,เรียนภาษาอิตาลี


Io so l'italia ......
ฉันรู้จักอิตาลี.......


degli spaghetti จากสปาเก็ตตี้





จาก..มักกะโรนี

ภาษาอิตาลี,อิตาลี,อิตาเลี่ยน,ภาษาอิตาเลี่ยน,เรียนอิตาลี,พูดอิตาลี,อิตาลี่,ประเทศอิตาลี,อาหารอิตาลี,อาหารอิตาเลี่ยน,เรียนภาษาอิตาลี



จาก...พาสต้า
ภาษาอิตาลี,อิตาลี,อิตาเลี่ยน,ภาษาอิตาเลี่ยน,เรียนอิตาลี,พูดอิตาลี,อิตาลี่,ประเทศอิตาลี,อาหารอิตาลี,อาหารอิตาเลี่ยน,เรียนภาษาอิตาลี




พิซซ่า......
ภาษาอิตาลี,อิตาลี,อิตาเลี่ยน,ภาษาอิตาเลี่ยน,เรียนอิตาลี,พูดอิตาลี,อิตาลี่,ประเทศอิตาลี,อาหารอิตาลี,อาหารอิตาเลี่ยน,เรียนภาษาอิตาลี





วัฒนธรรมกาแฟ อย่างพวกเอสเปรสโซ่ อเมริกาโน่ คาปูชิโน่

ภาษาอิตาลี,อิตาลี,อิตาเลี่ยน,ภาษาอิตาเลี่ยน,เรียนอิตาลี,พูดอิตาลี,อิตาลี่,ประเทศอิตาลี,อาหารอิตาลี,อาหารอิตาเลี่ยน,เรียนภาษาอิตาลี




โรม



ภาษาอิตาลี,อิตาลี,อิตาเลี่ยน,ภาษาอิตาเลี่ยน,เรียนอิตาลี,พูดอิตาลี,อิตาลี่,ประเทศอิตาลี,อาหารอิตาลี,อาหารอิตาเลี่ยน,เรียนภาษาอิตาลี



เวนิส
ภาษาอิตาลี,อิตาลี,อิตาเลี่ยน,ภาษาอิตาเลี่ยน,เรียนอิตาลี,พูดอิตาลี,อิตาลี่,ประเทศอิตาลี,อาหารอิตาลี,อาหารอิตาเลี่ยน,เรียนภาษาอิตาลี







มาจีบกันแบบภาษาอิตาลีค่ะ


ภาษาอิตาลี,อิตาลี,อิตาเลี่ยน,ภาษาอิตาเลี่ยน,เรียนอิตาลี,พูดอิตาลี,อิตาลี่,ประเทศอิตาลี,อาหารอิตาลี,อาหารอิตาเลี่ยน,เรียนภาษาอิตาลี


Care lettrici,Cari lettori ถึงผู้อ่านที่รักทุกท่าน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Rejanecy* ได้เข้าเว็บ italianpod101

และลองแซมเปิ้ลบทเรียนบทนึง ที่มีหัวข้อว่า Do you have boyfriend?
หรือถามเป็นภาษาอิตาลี คือ Hai il ragazzo? ซึ่งมันก็คือคำถามว่ามีแฟนรึยังนั่นแหละ

วันนี้ขอนำเสนอบทสนทนาในการถาม-ตอบ ในหัวข้อ Hai il ragazzo ละกันนะคะ เผื่อใครกำลังปิ๊งสาวปิ๊งหนุ่มอิตาลีก็จะได้เอาไปใช้กันเลย....

ประโยคที่คุณควรพูดเพื่อใช้จีบเป้าหมายของคุณมีดังนี้ค่ะ

Ciao Come ti chiami? แปลว่า สวัสดี คุณชื่ออะไร

Mi Chiami .......... = ฉันชื่อจุดๆๆ

Quanti anni hai? = คุณอายุเท่าไหร่

Ho 100 anni = ฉันอายุ 100 ปี

Hai il ragazzo? = คุณมีแฟนรึยัง (ใช้ถามผู้หญิง เพราะ ragazzo แปลว่า boyfriend)

Hai la ragazza? = คุณมีแฟนรึยัง(ใช้ถามผู้ชาย เพราะ ragazza แปลว่า girlfriend)

Si ,Ho il ragazzo = ค่ะ (Si= ใช่) ฉันมีแฟนแล้วค่ะ

No. Non ho la ragazza = ไม่มีครับ ผมไม่มีแฟน

Si, Allora ? = มีค่ะ แล้วไง

Ah, Allora niente! = อ๊าา ไม่เป็นไรครับ!

Hai bisogno di una ragazza = ผมอยากมีแฟน
(I need a girlfriend)

Posso essere la tua ragazzo? = ให้ผมเป็นแฟนคุณได้ไหมครับ?

Dammi il tuo numero di telefono,per favore = ให้เบอร์ผมเถอะ

Sono Scapolo = ผมยังโสดครับ

รูป avere(hai,ho,hanno,andiamo) + bisogno di + คำนาม = to need + คำนาม

อืมมมม ทั้งหมดก็น่าจะประมาณนี้แหละค่ะ .....ถ้าผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย


คำศัพท์
l'amore = ความรัก (n)
bacaire = จูบ (v)
ragazza = แฟน
relazione = ความสัมพันธ์ (relationship)
conoscere = รู้จัก (v)
avere = มี (v) ใช้เหมือนกับ to have ในภาษาอังกฤษ

ไวยากรณ์

ในภาษาอังกฤษมี to have (มี) ใช้กับรูปประธาน I ,You,We,They,พหูพจน์ + have และ He She It + has
แต่ในภาษาอิตาลี ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ คือจะใช้คำว่า avere (มี) ร่วมกับประธานต่างกันดังนี้

I + to have = Io + ho
You (formal),She + to have = Lei ,Lei + ha
You (informal) + to have = Tu + hai
He + to have = Lui + ha
They + to have = Loro + hanno
We + to have = Noi + andiamo

คำนามและเพศของคำนาม




หลักการใช้คำนามมีดังต่อไปนี้ :

1. คำนามภาษาอิตาลี่ใดๆก็ตามที่มีความหมายเป็น "คน" เราสามารถรู้เพศคำนามนั้นได้ โดยดูจาก Article (พวก il,la,i,le) อย่างเช่นคำว่า dottore คำนี้แปลว่า หมอ แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นหมอผู้หญิงหรือหมอผู้ชาย ก็ให้ดู article ของมัน
il dottore ก็คือหมอผู้ชาย la dottore คือหมอผู้หญิง
เพราะ il คือ article นำหน้าคำเพศชาย และ la คือ article นำหน้าคำเพศหญิง

2. คำนามที่ลงท้ายด้วย -ista,-cita เป็นคำที่หมายถึงคนแน่ๆ อาจจะหมายถึงผู้ที่ทำหน้าที่อะไรซักอย่าง

อย่าง il/la farmacista แปลว่า chemist ก็คือนักเคมีนั่นเองค่ะ

คำที่ลงท้ายด้วย a หรือ e ส่วนใหญ่ก็มักจะหมายถึงคนเช่นกัน อย่าง il/la collega (colleague) -เพื่อนร่วมงาน ผู้หญิงหรือผู้ชาย หรือ il/la nipote (หลานสาวหรือหลานชาย)

แต่คำที่ลงท้ายด้วย e บางคำ ก็หมายถึงได้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย
อย่างเช่นคำนี้ cantante จะเป็นได้ทั้ง il cantante la cantante

บอกรักภาษาอิตาลีด้วย100คำนี้




ข้อมูลต่อไปนี้เป็นบทความภาษาอังกฤษที่คัดลอกจาก italian.about.com ค่ะ

มันเป็นเว็บภาษาอังกฤษ (อีกละ) คุณผู้อ่านสามารถแปลความหมายแต่ละประโยคด้วยภาษาอังกฤษในวงเล็บได้เลยคร่าา...... (แต่ไม่รู้จะครบถึง 100 คำเลยรึเปล่านะ ไม่ได้เช็ก...^^)



100 Ways to Say I Love You in Italian>>>>

Here's how to express your love, lust, like, or feigned interest to that certain someone, or how to tell your parents, family members, or friends that you love them. One thing to keep in remember: the translations in English are not always literal, but correspond to the sense—and vice versa.

การระบุArticle





1. ใช้กับชื่อทวีป,ประเทศ,ศาสนา,เกาะใหญ่,ทะเลสาบ,ภูเขา
เช่น l' Europa, I'Italia, la Sicilia, il Monte Bianco

แต่ถ้าคำนามพวกนี้อยู่หลัง prepotion "in" (ความหมายคล้ายกับ in ในภาษาอังกฤษ)
คำนามคำนั้นจะต้องไม่ตามด้วย adjective เช่น

Abito in Inghilterra = I live in English.

แต่มีบางกรณี อย่าง nell' Inghilterra di cromwell = in cromwell's England


ชื่อเมืองที่ตามด้วย adjective ก็ใส่ article นี้ เช่น la Firenze del cinquecento = Florence of the 16th century


2. ใช้กับการระบุชื่อคน เช่น il signor Aldo = นายอัลโด

3. ใช้กับนามสกุลผู้หญิงอย่าง la Loren e' molto ammirata
= Loren's much admired.

4. ใช้กับการบอกเวลา และวันที่ :

อย่าง Sono le tre.
แต่การบอกเวลาบางแบบ ก็ไม่ใช้ Article นี้ เช่น e' mezzagiorno

การระบุปี ค.ศ. : Il 1993 e' stato un anno molto bello
แต่บางทีก็ใช้แบบนี้ : Mario e' nato nel 1988

เหตุการณ์ที่ระบุแน่นอนอย่าง Che cosa c'e' alla televisone?
A che ora e' la colazione.


5. ใช้กับชื่อภาษาที่มีคำกริยา "parlare" อยู่ด้วย
เช้น Francesca studia il Cinese

6.ใช้กับคำนามที่บอกส่วนต่างๆของ...(ร่างกาย,เสื้อผ้า,สิ่งของประเภทต่างๆ)

เช่น Mi lavo le mani ฉันล้างมือ

7.ใช้กับคำนามทั่วไป เช่น Amo la musica = ฉันรักดนตรี

8. ใช้กับกลุ่มคำต่อไปนี้ : tutti due e, ambedue.entrambi ซึ่งแปลว่า both (ทั้งคู่) ในภาษาอังกฤษ

เช่น tutti e due i bambini หมายถึง เด็กทั้งสองคน

9. การระบุราคา น้ำหนัก หรือ การวัดเป็น%
Una lezione costa 25 sterline all'ora
= A lesson costs 25 sterline per hour

Il 30% della popolazione
= 30% of the population

คำอุทาน




Ciao ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ...

วันนี้ขอแนะนำเรื่อง "คำอุทาน" ละกันนะคะ

"คำอุทาน" ก็คือคำหรือวลีที่เราใช้พูด หรือเอ่ย (เปล่งเสียง) ขึ้นมาโดยที่ไม่ตั้งใจ...เป็นคำที่ให้ความรู้สึกและอารมณ์ต่างๆ เช่นดีใจ ประหลาดใจ ตกใจ อย่าง อุ๊ย! ว้าย! ตาเถร! ...หรือในภาษาอังกฤษ เรียกว่า "Interjections" ก็พวกที่มีเครื่องหมายตกใจทั้งหลาย!


ส่วนในอิตาลีก็...ขอแนะนำคำดังต่อไปนี้ละกันค่ะ ->


auff! uff! uffa! เป็นคำที่แสดงความเบื่อทั้งหลายแหล่ ประมาณว่าถ้าเราเบื่อ หรือไม่อดทนที่จะทำอะไรก็แล้วแต่ ก็จะอุทานด้วยคำพวกนี้

ehi! ehila! ก็คือ Hey! Hello! ดีๆนี่เอง

ohi! ohe! ใช้เรียกใครบางคน..

mah! แสดงความไม่แน่นอน สงสัย

puh! puah! ใช้มัน...เวลาไล่

ahime! ohime! โอ้อนิิจจา...


เวลาใช้คำอุทานพวกนี้ในภาษาเขียน ก็จะอยู่ในรูป คำอุทาน,ประโยค!

เช่น Ohi,bella! ประมาณนี้นะคะ

ส่วนอันนี้ก็หามาได้จากเว็บนึง ส่วนใหญ่มันจะใช้เหมือนๆกับภาษาอังกฤษ

suvvia! = C'mon!
aiuto! = help!
hey! = hey!
oh! = wow!
ahi! = ouch!
bontà mia! = My goodness!

ตัวอย่าง :
Ahi! Mi sono rotto una gamba!
» Ouch! I broke my leg!

Suvvia, vedi di non dire sciocchezze!
» C'mon stop talking nonsense!

ส่วนคำว่า "Mamma Mia!" แปลว่า แม่ของฉัน Rejanecy* เคยอ่านในหนังสือเล่มนึงว่าคนอิตาลีจะใช้คำนี้ก็ต่อเมื่อรู้สึกโกรธ ไม่พอใจหรือตกใจ (ประมาณว่า ว้าย! ตาเถร)
ป.ล. ในภาษาอิตาลียังมีคำอุทานอีกเยอะมาก....

คำบุพบท




di del della dei แปลว่า ของ เป็นคำบุพบทที่ใช้กับคำนามที่ต่างกันออกไป

Carlo è il figlio di Bruna
Carlo è il figlio di Giuseppe
Carlo è il figlio del signor Rossi
Carlo è il figlio del mio amico
Carlo è il figlio della signora Rossi

Carlo è il figlio della mia amica
Carlo è il figlio dei Rossi
Carlo è il figlio dei signori Rossi

Carlo è il figlio degli amici
Bruna è il figlia delle amice


กล่าวคือ di ใช้นำหน้าคำเอกพจน์ชื่อคน
del นำหน้าคำเอกพจน์เพศชาย
della นำหน้าคำเอกพจน์เพศหญิง
dei นำหน้าคำพหูพจน์
degli นำหน้าคำเอกพจน์ที่เป็นสระเพศชาย
delle นำหน้าคำเอกพจน์เพศหญิงทั้งหมด

คำแสดงความเป็นเจ้าของ






บทสนทนา



Bruna : Io sono la signora Bruna Bianchi. Aldo è mio marito. Noi siamo marito e moglie.
(ฉันคือนางบรูนา เบียนคิ อัลโดคือสามีของฉัน เราเป็นสามีและภรรยา)

Aldo : Si, siamo marito e moglie. Siamo a casa
(ใช่ครับ เราเป็นสามีและภรรยา เราอยู่ที่บ้าน)

Aldo : Questa è una sedia. (นี้คือเก้าอี้ตัวหนึ่ง)

Bruna : Si, è una sedia, è la mia sedia?
(ใช่ค่ะ นี้คือเก้าอี้ตัวหนึ่ง มันเป็นเก้าอี้ของฉัน)


Aldo : Si, certo! (แน่นอน)


Bruna : Dov' è la mia borsetta? (กระเป๋าถือของฉันอยู่ที่ไหน)


Aldo : È qui. Eccola! Questa è una borsetta e questo è un cappello, e questo è un libro.

(อยู่ที่นี่ อยู่นี่แน่ะ! นี้คือกระเป๋าถือใบหนึ่งและนี้คือหมวกใบหนึ่ง และนี้คือหนังสือเล่มหนึ่ง)


Bruna : Dov' è il libro ? (หนังสืออยู่ที่ไหน)

Aldo : È sul tavolo. Eccolo! (อยู๋บนโต๊ะ อยู่นั่นแน่ะ)


Bruna : Il libro è sul tavolo e il cappello è sulla sedia.
(หนังสืออยู่ยนโต๊ะ และหมวกอยู่บนเก้าอี้)

Aldo : Dov'è la mia penna? (ปากกาของฉันอยู่ที่ไหน)


Bruna : È nella mia borsetta, e la matita è nel libro.
(อยู่ในกระเป๋าถือของฉัน และดินสออยู่ในหนังสือ)




คัดลอกบทสนทนาจาก หนังสือ พูดอิตาเลียน ของ ชัตสุณี สินธุสิงห์


โน้ตเพลงสากล เข้ามาดูได้จ่ะ

E-book เรียนภาษา